ช่วงเวลาวิกฤตมักจะเป็นช่วงเวลาสำหรับการซื้อกิจการของบริษัท การเข้าครอบครองบริษัทที่มีปัญหาอาจเป็นประโยชน์สำหรับผู้ซื้อในรูปแบบของการซื้อสินทรัพย์มากกว่าการซื้อหุ้น
วิกฤตโคโรนา, สงครามยูเครน, และราคาพลังงานที่สูงขึ้น – วิกฤตเหล่านี้ต่างผลักดันให้บริษัทหลายแห่งประสบปัญหาด้านการเงิน ทำให้ความเต็มใจในการขายกิจการหรือบริษัทครอบครัวเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาเช่นนี้ ดังนั้นช่วงเวลาวิกฤตก็มักจะเป็นช่วงเวลาสำหรับการซื้อขายธุรกิจ การควบรวมและเข้าซื้อกิจการ (M&A) เป็นหนึ่งในความเชี่ยวชาญของสำนักงานกฎหมายเศรษฐกิจ MTR Rechtsanwälte ซึ่งมีทนายความที่มีประสบการณ์ด้าน M&A พร้อมให้คำปรึกษาสำหรับผู้ซื้อและผู้ขาย
เมื่อบริษัทเกิดวิกฤตหรือประสบปัญหาอื่น ๆ จนมีปัญหาทางการเงิน เวลานั้นก็มักจะเป็นโอกาสสำหรับผู้ซื้อที่หวังจะเข้าครอบครองบริษัทในเงื่อนไขที่ดี ผู้ซื้อควรพิจารณาว่าการซื้อสินทรัพย์อาจเป็นประโยชน์กว่าการซื้อหุ้นเมื่อบริษัทมีปัญหา
ในการซื้อหุ้น ผู้ซื้อจะเข้าครอบครองบริษัทพร้อมสิทธิและหน้าที่ทั้งหมด ซึ่งรวมถึงสัญญาที่มีอยู่ หนี้สิน และข้อผูกพัน จะมีการโอนหุ้นหรือส่วนแบ่งของบริษัท การที่จะทำให้บริษัทฟื้นฟูกลับมาอยู่ในฐานะทางการเงินที่มั่นคง ผู้ซื้ออาจต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายหรือการลงทุนเพิ่มเติม ดังนั้นการซื้อหุ้นจึงเหมาะสำหรับบริษัที่มีฐานะการเงินที่มั่นคง
การซื้อสินทรัพย์อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับบริษัทที่ประสบปัญหาเศรษฐกิจ ในการซื้อสินทรัพย์ มักจะมีการซื้อสินทรัพย์ต่าง ๆ ของบริษัท เช่น ที่ดิน อาคาร โรงงาน เครื่องจักร สิทธิ์ต่าง ๆ แยกกัน แม้ว่าจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอย่างมาก แต่ก็คุ้มค่าสำหรับผู้ซื้อ เพราะเขาสามารถเลือกได้ว่าจะซื้อส่วนไหนและลดความเสี่ยงได้มาก จากบริษัทจะเหลือเพียงเปลือกว่าง ๆ หากผู้ซื้อต้องการดำเนินธุรกิจต่อไป เขาก็อาจจะต้องรับผิดชอบหนี้สินของเจ้าของเดิมและหนี้ภาษีของบริษัท
เพื่อประเมินความเสี่ยงของการซื้อขายบริษัท การตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างครบถ้วนเป็นสิ่งที่จำเป็น
ทนายความที่มีประสบการณ์ให้คำปรึกษาที่ MTR Rechtsanwälte สำหรับลูกค้าในการทำธุรกรรม M&A